สาระสำคัญของกฎหมาย DPS

  • การคุ้มครองผู้ใช้บริการ: กฎหมาย DPS กำหนดให้แพลตฟอร์มดิจิทัลมีหน้าที่รับผิดชอบในการคุ้มครองผู้ใช้งาน รวมถึงการจัดให้มีช่องทางร้องเรียนและมาตรการเยียวยาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้บริการ
  • ความโปร่งใสและการเปิดเผยข้อมูล: แพลตฟอร์มต้องเปิดเผยข้อมูลการประกอบธุรกิจอย่างชัดเจนและโปร่งใสต่อสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่กำกับดูแลกฎหมายนี้
  • การส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม: กฎหมายนี้ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เท่าเทียมกันสำหรับผู้ประกอบธุรกิจแพลตฟอร์ม ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมและส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนของตลาดดิจิทัล

กฎหมาย DPS กระทบใครบ้าง?

การจำแนกผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกฎหมายแพลตฟอร์มดิจิทัล

กฎหมาย DPS มีขอบเขตการบังคับใช้ที่ชัดเจน โดยมุ่งเน้นไปที่ผู้ประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ทำหน้าที่เป็น “สื่อกลางทางอิเล็กทรอนิกส์” ซึ่งเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการ ผู้บริโภค หรือผู้ใช้บริการ เพื่อให้เกิดธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ แต่ไม่ได้ครอบคลุมผู้ซื้อหรือผู้ขายรายย่อยที่ใช้งานแพลตฟอร์มโดยตรง

ผู้ประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มดิจิทัล

กลุ่มหลักที่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือ ผู้ให้บริการหรือผู้ประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งรวมถึงทั้งแพลตฟอร์มไทยและต่างชาติที่ให้บริการแก่ผู้ใช้ในประเทศไทย ตัวอย่างเช่น:

  • แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ: เช่น Shopee, Lazada ที่เป็นตลาดกลางสำหรับการซื้อขายสินค้า
  • แพลตฟอร์มบริการส่งอาหาร: เช่น GrabFood, Foodpanda
  • แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย: ที่มีการทำธุรกรรมหรือบริการทางการเงิน
  • แพลตฟอร์มจองที่พักหรือบริการท่องเที่ยว: เช่น Agoda, Booking.com
  • แพลตฟอร์มสื่อสาร: ที่มีฟังก์ชันการทำธุรกรรม
  • แพลตฟอร์มจ้างงานฟรีแลนซ์: ที่เชื่อมโยงผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้าง
  • แพลตฟอร์มฟินเทค: ที่เกี่ยวข้องกับการบริการทางการเงิน

โดยทั่วไปแล้ว แพลตฟอร์มที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีสำหรับแพลตฟอร์มทั่วไป หรือเข้าข่ายเป็นแพลตฟอร์มที่มีความเสี่ยงสูงตามเกณฑ์ที่กำหนด จะต้องแจ้งข้อมูลการประกอบธุรกิจต่อ ETDA

ผู้ที่ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง

สิ่งสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจคือ กฎหมาย DPS ไม่ได้บังคับใช้กับ:

  • ผู้ซื้อและผู้ขายรายย่อย: บุคคลทั่วไปที่ซื้อหรือขายสินค้าบนแพลตฟอร์มดิจิทัล (เช่น พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ขายของบน Shopee หรือไลฟ์สดขายของบนโซเชียลมีเดีย) ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนภายใต้กฎหมายนี้ เว้นแต่ว่าการดำเนินการของพวกเขาเข้าข่ายเป็นการประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มดิจิทัลเอง
  • ผู้ใช้งานทั่วไป: ผู้บริโภคที่ใช้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น ดูหนังบน Netflix หรือเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน ก็ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนเช่นกัน

การจำแนกนี้ช่วยให้กฎหมายมุ่งเน้นการกำกับดูแลที่ต้นตอของบริการ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรมในระดับโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจดิจิทัล

ธุรกิจออนไลน์ต้องเตรียมตัวอย่างไรภายใต้กฎหมาย DPS?

แนวทางปฏิบัติเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับธุรกิจออนไลน์ที่เข้าข่ายเป็นผู้ประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล การเตรียมความพร้อมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมาย DPS ได้อย่างถูกต้องและหลีกเลี่ยงผลกระทบทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้น ETDA ได้แนะนำแนวทางปฏิบัติหลายประการดังนี้:

ประเมินสถานะธุรกิจและทำความเข้าใจกฎหมาย

  • ตรวจสอบคุณสมบัติ: ประเมินว่าธุรกิจของตนเองเข้าข่ายเป็น “บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล” ที่ต้องจดแจ้งข้อมูลหรือไม่ โดยสามารถใช้เครื่องมือประเมินธุรกิจออนไลน์ของ ETDA (https://eservice.etda.or.th/dps-assessment) เพื่อช่วยในการพิจารณา
  • ศึกษาข้อกำหนด: ทำความเข้าใจสาระสำคัญของกฎหมาย DPS โดยละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกณฑ์รายได้ (เช่น เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีสำหรับแพลตฟอร์มทั่วไป) ประเภทของบริการที่เข้าข่าย และหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติ

การแจ้งข้อมูลและการจดแจ้งกับ ETDA

  • รวบรวมข้อมูล: เตรียมข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการจดแจ้ง เช่น ข้อมูลผู้ประกอบธุรกิจ (ชื่อ ที่อยู่ ข้อมูลติดต่อ), รายละเอียดของบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล, ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้บริการ, และช่องทางการร้องเรียนสำหรับผู้ใช้
  • ดำเนินการจดแจ้ง: ยื่นข้อมูลผ่านระบบแจ้งข้อมูล DPS ของ ETDA ภายในระยะเวลาที่กำหนด ควรติดตามประกาศและกำหนดเวลาจาก ETDA อย่างสม่ำเสมอ

พัฒนาระบบและมาตรการภายในแพลตฟอร์ม

  • มาตรการคุ้มครองผู้ใช้: จัดทำหรือปรับปรุงระบบและมาตรการภายในองค์กรให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านการคุ้มครองผู้ใช้บริการ เช่น มีช่องทางร้องเรียนที่ชัดเจน, มีกระบวนการเยียวยาความเสียหาย, และมาตรการป้องกันการฉ้อโกง
  • ความโปร่งใส: กำหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนในการจัดอันดับสินค้าและบริการ, เปิดเผยเงื่อนไขการให้บริการอย่างโปร่งใส, และหลีกเลี่ยงการอำนวยความสะดวกแบบไม่เป็นธรรม
  • การเตรียมพร้อมสำหรับการยุติบริการ: หากมีแผนยุติการให้บริการแพลตฟอร์มในอนาคต จะต้องแจ้งผู้ใช้บริการล่วงหน้าและจัดเตรียมมาตรการช่วยเหลือหรือรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

ติดตามข่าวสารและเข้าร่วมโครงการสนับสนุน

  • อัปเดตข้อมูล: เนื่องจากกฎหมายและแนวปฏิบัติอาจมีการปรับปรุง ควรติดตามข่าวสารและประกาศจาก ETDA และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด
  • ขอคำปรึกษา: หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายดิจิทัล หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ของ ETDA โดยตรง
  • เข้าร่วมโครงการ: หากเป็น SMEs ETDA มีโครงการสนับสนุน เช่น โครงการ SMEs GROWTH 2025 เพื่อช่วยในการปรับตัวและพัฒนาทักษะดิจิทัลให้สอดคล้องกับกฎหมาย

การปฏิบัติตามกฎหมาย DPS ไม่เพียงแต่เป็นการหลีกเลี่ยงบทลงโทษ แต่ยังเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือและความมั่นใจให้กับผู้ใช้งาน ซึ่งส่งผลดีต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว

เปรียบเทียบผลกระทบและแนวทางการเตรียมตัว

ภาพรวมการปฏิบัติตามกฎหมาย DPS

เพื่อสรุปผลกระทบและแนวทางการเตรียมตัวสำหรับธุรกิจออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย DPS ตารางต่อไปนี้จะนำเสนอภาพรวมที่ชัดเจนของกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบและสิ่งที่พวกเขาต้องดำเนินการ

ผู้ได้รับผลกระทบคำจำกัดความสิ่ง/หน้าที่ที่ต้องเตรียมตัว/ปฏิบัติตัวอย่าง
ผู้ประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มดิจิทัล (ไทย/ต่างชาติ)ผู้ให้บริการสื่อกลางทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีรายได้เกินเกณฑ์ที่กำหนด (เช่น 1.8 ล้านบาท/ปี) หรือเข้าข่ายความเสี่ยงแจ้งข้อมูลกับ ETDA (ชื่อธุรกิจ, ประเภทบริการ, ข้อมูลติดต่อ, ผู้ถือหุ้น)
ตรวจสอบคุณสมบัติและประเภทแพลตฟอร์ม (15 ประเภท)
เตรียมเอกสารและข้อมูลตามกฎหมาย
ปฏิบัติตามมาตรฐานและกฎเกณฑ์ (คุ้มครองผู้บริโภค, เปิดเผยข้อมูล, ความปลอดภัย)
มีมาตรการเยียวยาและช่องทางร้องเรียน
มีแผนจัดการเมื่อเลิกประกอบธุรกิจ
Shopee, Netflix, Grab, Agoda, Line Man
ธุรกิจออนไลน์ขนาดเล็ก-กลาง-ใหญ่ธุรกิจทุกขนาดที่ดำเนินงานในลักษณะแพลตฟอร์มดิจิทัลประเมินธุรกิจว่าเข้าข่ายหรือไม่ (ใช้เครื่องมือ ETDA)
ทำความเข้าใจสาระสำคัญของกฎหมาย
พัฒนาระบบและมาตรการภายในให้สอดคล้อง
ติดตามข่าวสารและประกาศจาก ETDA
แพลตฟอร์ม SME ที่มีฟังก์ชันสื่อกลาง, สื่อสังคมที่มีฟังก์ชัน E-commerce
แพลตฟอร์มต่างชาติที่ให้บริการในไทยแพลตฟอร์มที่มีสำนักงานนอกประเทศไทย แต่ให้บริการแก่ผู้ใช้ในไทยแจ้งข้อมูลกับ ETDA
ปฏิบัติตามกฎหมายไทยเทียบเท่าแพลตฟอร์มในประเทศ
Facebook (สำหรับบริการที่เข้าข่าย), TikTok (สำหรับบริการที่เข้าข่าย)
ผู้ซื้อ/ผู้ขายรายบุคคล (ที่ไม่ใช่แพลตฟอร์ม)บุคคลทั่วไปที่ใช้บริการซื้อ/ขายบนแพลตฟอร์ม ไม่ใช่ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเองไม่ต้องแจ้งข้อมูลภายใต้กฎหมาย DPS
ได้รับประโยชน์จากมาตรการคุ้มครองที่แพลตฟอร์มต้องจัดให้มี
ผู้ซื้อสินค้าบน Lazada, พ่อค้าแม่ค้าไลฟ์สดบน TikTok (หากไม่ได้สร้างแพลตฟอร์มเอง)

การประเมินผลกระทบของกฎหมาย DPS ด้วย Radar Chart

วิเคราะห์ความสำคัญและผลลัพธ์ที่คาดหวัง

กฎหมาย DPS มีบทบาทสำคัญในการปรับสมดุลและสร้างความเชื่อมั่นในระบบนิเวศดิจิทัลของประเทศไทย เพื่อให้เห็นภาพรวมของผลกระทบที่เกิดขึ้น เราสามารถใช้ Radar Chart เพื่อวิเคราะห์ความสำคัญและผลลัพธ์ที่คาดหวังจากกฎหมายนี้ในมิติต่างๆ

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎหมาย DPS จาก ETDA

คำอธิบายและแนวปฏิบัติอย่างเป็นทางการ

เพื่อทำความเข้าใจกฎหมาย DPS อย่างลึกซึ้งและรับรู้ถึงแนวปฏิบัติที่ถูกต้อง ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถศึกษาเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลอย่างเป็นทางการของ ETDA (สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบการบังคับใช้กฎหมายนี้

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

กฎหมาย DPS มีผลบังคับใช้เมื่อใด?

กฎหมาย DPS มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2566 เป็นต้นไป

ใครคือหน่วยงานหลักที่กำกับดูแลกฎหมาย DPS?

สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) เป็นหน่วยงานหลักที่กำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมาย DPS

แพลตฟอร์มดิจิทัลทุกแห่งต้องแจ้งข้อมูลกับ ETDA หรือไม่?

ไม่ทุกแห่ง แพลตฟอร์มที่ต้องแจ้งข้อมูลคือผู้ประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีรายได้เกินเกณฑ์ที่กำหนด (เช่น 1.8 ล้านบาทต่อปีสำหรับแพลตฟอร์มทั่วไป) หรือเข้าข่ายความเสี่ยงตามที่กฎหมายกำหนด

ผู้ซื้อและผู้ขายรายย่อยบนแพลตฟอร์มดิจิทัลต้องจดทะเบียนภายใต้กฎหมาย DPS หรือไม่?

โดยทั่วไปแล้ว ผู้ซื้อและผู้ขายรายย่อยที่ใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อซื้อขายสินค้าหรือบริการ ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนภายใต้กฎหมาย DPS เว้นแต่ว่าการดำเนินการของพวกเขาเข้าข่ายเป็นการประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มดิจิทัลเอง

หากไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย DPS จะเกิดอะไรขึ้น?

หากไม่แจ้งข้อมูลหรือปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมาย ผู้ประกอบธุรกิจอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายและเผชิญกับบทลงโทษที่เกี่ยวข้อง

บทสรุป

กฎหมายพระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. 2565 หรือกฎหมาย DPS นับเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทยในการจัดระเบียบและยกระดับมาตรฐานของระบบนิเวศดิจิทัล กฎหมายนี้มุ่งเน้นการกำกับดูแลผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความโปร่งใส ความเป็นธรรม และที่สำคัญที่สุดคือการคุ้มครองผู้บริโภคที่ทำธุรกรรมและใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์ ธุรกิจที่เข้าข่าย ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มขนาดใหญ่หรือเล็ก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จะต้องเตรียมความพร้อมในการแจ้งข้อมูลกับ ETDA ปรับปรุงมาตรการภายใน และจัดให้มีช่องทางในการคุ้มครองและเยียวยาผู้ใช้งาน การปฏิบัติตามกฎหมายนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ธุรกิจหลีกเลี่ยงผลกระทบทางกฎหมาย แต่ยังเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือและส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งจะนำไปสู่ตลาดดิจิทัลที่แข็งแกร่งและเป็นธรรมสำหรับทุกคน.